ข้อ 2 เป็นการลงโฆษณาใน Hotel Ads (ซึ่งคุณต้องเสียเงิน) ส่วนอีก 3 ข้อนั้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
เว็บไซต์และเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม ระบบจะดึงมาจากข้อมูลใน Google Business Profile ที่เดิมชื่อว่า Google My Business หรือที่เรียกกันว่า GMB (ถ้าโรงแรมคุณยังไม่ได้ทำ Google Business Profile เราแนะนำอย่างยิ่งว่าคุณควรจะทำตอนนี้เลยค่ะ และถ้าคุณต้องการผู้ช่วยติดต่อเรามาได้เลย)
ที่สำคัญคือ ทุกวันนี้การคอมเมนต์ด้วยคำว่า “Book Now, Come to Us, Stay with Us, Super Deal” หรือคำโฆษณาต่างๆในทำนองที่ว่า “Buy Now Buy Now Buy Now” มันไม่ค่อยจะเหมาะสมกับชุมชนออนไลน์ซักเท่าไหร่
และที่สำคัญที่สุด คุณต้องทำความเข้าใจอีกครั้งว่าในแพลตฟอร์มของ Social Media นั้นก็มีจุดประสงค์เพื่อให้คน(ทั้งเป็นเพื่อนกันและไม่ได้เป็นเพื่อนกัน) เข้ามามีส่วนร่วมกันในชุมชนออนไลน์ มี engagement และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ไม่ใช่แพลตฟอร์มเพื่อการขายตั้งแต่แรก
เราเลยใช้โอกาสนี้ ที่ได้เราได้ทำการ audit บัญชี google ads ของลูกค้า มายกเป็นกรณีศึกษา Google ads for hotels เพื่อแบ่งปันเทคนิคกันค่ะ โดยเราขอซ่อนชื่อจริงของโรงแรมนี้ไว้ โดยเราขอตั้งชื่อใหม่ที่แสนเก๋ว่า Atalanta Hotel
แต่รับรองว่าข้อมูลทุกอย่างที่เอามาแชร์ เช่น คีย์เวิร์ด, search term และ data ที่แสดงผล เป็นข้อมูลและตัวเลขจริงแท้แน่นอน
“Hi Ale, […] We’ve just noticed that PPC performance for [hotel name] has been very poor in recent months, […] to the point where they spent about $670 in April and only made about $485. We're losing money on Ads.”
ข้อมูลเพิ่มเติมคือ:
โรงแรมนี้อยู่ที่ชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา
โรงแรมระดับ 4 ดาว
โลเกชั่นดีเยี่ยม ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
การตรวจเช็คข้อมูลเบื้องต้น
ถึงแม้ว่า ค่าโฆษณา (Ad spend) ที่โรงแรมจ่ายไปจะต่ำมาก ($670/เดือน ตกประมาณเดือนละ 22,000 บาท) แต่ยอดรายได้ที่ได้รับกลับมาจากแคมเปญ Google Ads ก็ยังต่ำกว่านั้นไปอีก เพียงแค่ 485 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 16,000 บาท) เท่านั้นเอง!!!
อย่างที่สอง คีย์เวิร์ด ที่ใช้ในแคมเปญนี้ ทั้งหมดเป็นคำหลักทั่วไปและเป็นคำที่นิยมค้นหา โดยตัวมันเองแล้ว คีย์เวิร์ดพวกนี้ไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การตั้งค่า match type ที่ทุกตัวถูกตั้งเป็น broad ซึ่งมันเป็นคีย์เวิร์ดในรูปแบบที่กว้างมากๆ
คีย์เวิร์ดประเภท broad match type นั้นช่วยโฆษณาถูกเห็นได้กว้างมากและช่วยในการค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ จาก search term แต่มันก็อันตรายมากเช่นกัน เพราะโฆษณาจะถูกแสดงในทุกๆ search term ที่กว้างมาก แม้มีคำที่เกี่ยวข้องเพียงคำเดียวก็ตาม และอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาอะไรเกี่ยวกับโรงแรมเลย
จะสังเกตได้ว่าคีย์เวิร์ดตัวสุดท้ายในตัวอย่าง ซึ่งเราได้ทำการเปลี่ยนชื่อโรงแรมจริงเป็น atalanta hotel chicago เพื่อรักษาข้อมูลส่วนตัวของโรงแรม แม้ว่า hotel in chicago จะมีการแสดงผล (impressions) มากกว่าเกือบ 7 เท่า แต่คีย์เวิร์ดที่เป็นชื่อโรงแรมนั้นสร้างรายได้มากกว่าเกือบ 8 เท่า
ดังนั้น ตอนนี้เราต้องมาดูกันที่ search terms ของ keywords ที่จ่ายค่าโฆษณาแพง คีย์เวิร์ดที่เป็น generic keywords ซึ่งก็คือ hotel in chicago และ boutique hotel chicago
เรามาไล่ดูตามลำดับ:
report นี้ sort เรียงลำดับตัวเลขตาม Conv. value (revenue)
PRO Tip >> สร้างสรรค์โปรแกรมที่น่าสนใจด้วยข้อมูลแบบฉบับของคนท้องถิ่นและสถานที่ลับๆที่น้อยคนจะรุ้จัก
2. คู่มือภาษาท้องถิ่นที่ควรรู้สำหรับนักท่องเที่ยว
คำเหล่านี้นอกจากจะประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการนำเสนอสิ่งที่นักท่องเที่ยวกำลังตามหา และนำเสนอได้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ”ราคาเท่าไหร่” ภาษาเหนือพูดยังไง “อร่อย” ภาษาอีสานพูดยังไง How to say “Hello/Thank you” in Thai.
PRO Tip>> นอกจากจะเป็นประโยชน์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสนุกกับการได้พูดภาษาท้องถิ่น ทำให้เป็นเรื่องสนุกและเหนือกว่าคำพื้นฐานด้วยคำอื่นๆที่น่าจดจำ
PRO Tip >> ท้ายแบบทดสอบ คุณอาจจะใช้วิธีการให้ผู้เล่นกรอกอีเมล์เพื่อดูคะแนนจากนักท่องเที่ยวทั้งหมด (คนส่วนใหญ่ชอบเปรียบเทียบ) วิธีนี้จะทำให้แบบทดสอบของคุณมีความท้าทายให้เล่น (คนส่วนใหญ่ชอบความท้าทายเช่นกัน)
PRO Tip >> ให้ข้อมูลร้านอาหารแบบสั้นๆ พร้อมจุดเด่นของแต่ละร้านที่คุณเลือกว่าทำไมร้านนี้คุณเชื่อว่าดีที่สุด อย่าลืม! ใส่โรงแรมคุณในแผนที่ร้านอาหารแนะนำนี้ด้วยให้ลูกค้ารู้ว่าแต่ละร้านห่างจากโรงแรมคุณเท่าไหร่
PRO Tip >> จะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นลูกค้าใหม่? มีหลายตัวช่วยที่สามารถแทรคได้ว่าใครเป็นลูกค้าใหม่ของคุณบนเว็บไซต์ โดยคุณอาจจะลงทุนเพียงเล็กน้อย (เช่น if-so) หรือเพียงแค่ติดตั้ง cookie โดยทำผ่าน Google Tag Manager ที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม. เป็นต้น
คุณอาจจะเขียนบล็อกท่องเที่ยวบนเว็บไซต์โรงแรมและทำเป็นไฟล์ pdf ให้ดาวน์โหลดได้
PRO Tip >> เมื่อผู้ใช้อ่านบทความหรือดาวน์โหลดบทความจากทั้ง 2 บทความตัวอย่าง นั่นหมายความว่าผู้ใช้ได้แสดงตัวตนและความสนใจของเค้าออกมา จงใช้ข้อมูลนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำ retargeting